พริตตี้สาว ล้วงควักยัดเงินใส่ กนน.สาวรำวง กลางตลาด อาจ ลามก
Sexual | หน้า 2 | หน้า 3 | หน้า 4 | หน้า 5 |
อย. เตือนฉีด"คอลลาเจน"ที่ไหน-เสี่ยงตาย!! เหตุอย.ไม่รับขึ้นทะเบียนตำรับยา http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1348300260&grpid=03

จากข่าวพริตตี้สาวฉีดคอลลาเจนเสริมสะโพกแล้วช็อกหมดสติ อย. รุดเตือนภัยหญิงสาวที่รักสวยรักงาม ระวังการฉีดสารคอลลาเจน อาจได้รับอันตรายหากฉีดเข้าไปในเส้นเลือดหรือเส้นประสาท ทำให้เส้นเลือดอุดตัน ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอได้ นอกจากนี้ สารดังกล่าว อย. ไม่ได้รับขึ้นทะเบียนตำรับยาแต่อย่างใด พร้อมทั้งเตือนอย่าหลงเชื่อโฆษณารับฉีดสารโบท็อกซ์ และกลูตาไธโอน นอกสถานที่ หากจำเป็นต้องฉีดควรไปรับบริการยังสถานพยาบาล เพราะหากเกิดการแพ้ ทางสถานพยาบาลจะมีเครื่องมือและยาที่สามารถช่วยชีวิตได้ทัน รวมทั้ง ควรสอบถามก่อนว่ายาที่ฉีดได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. หรือไม่ และควรได้รับการฉีดจากแพทย์เฉพาะทางที่มีความรู้ด้านกายวิภาค เซลล์วิทยา โครงสร้างใต้ผิวหนัง เพื่อป้องกันตนเองจากการได้รับยาฉีดเกินขนาด และฉีดตรงจุดตามหลักการแพทย์
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากข่าวหน้าหนังสือพิมพ์พบพริตตี้สาวกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราหลังฉีดคอลลาเจนเสริมสะโพกกับหมอเถื่อน นั้น ในเรื่องดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เคยออกข่าวเตือนหญิงสาวหลายครั้งให้ระวังอันตรายจากการฉีดสาร คอลลาเจน ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ และสารกลูตาไธโอน เนื่องจากเป็นการนำสารดังกล่าวมาใช้อย่างไม่เหมาะสม รวมทั้ง มีการตรวจสอบจับกุมผู้ลักลอบฉีดสารดังกล่าวโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง
ส่วนกรณีหญิงสาวตามที่เป็นข่าวจะต้องตรวจสอบก่อนว่าได้รับการฉีดคอลลาเจนจริงหรือไม่ หรือมีการใช้สารแปลกปลอมอื่นใด ซึ่งสันนิษฐานได้ว่าหญิงสาวรายนี้มีอาการแพ้อย่างรุนแรง ช็อค และหมดสติในที่สุด อย่างไรก็ตาม อย. ขอชี้แจงว่า ยาฉีดคอลลาเจนไม่เคยมีการรับขึ้นทะเบียนตำรับยาแต่อย่างใด เป็นสารที่ยังไม่ได้รับการรับรองความปลอดภัยเพื่อใช้สำหรับฉีด ซึ่งส่วนใหญ่พบเป็นการลักลอบนำเข้ามาใช้ และนำมาโฆษณาขายและฉีดในราคาถูก ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
สำหรับสารกลูตาไธโอน อย.ไม่ได้มีการรับขึ้นทะเบียนตำรับยากรณีการนำสาร กลูตาไธโอนมาใช้เป็นยาฉีดทำให้ผิวขาว ถือเป็นการใช้ในทางที่ผิด และสารกลูตาไธโอนไม่ได้มีข้อบ่งชี้ในการช่วยทำให้ผิวขาวใสขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้ ยังอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงคือ แพ้อย่างรุนแรง หลอดลมตีบ หายใจติดขัด ความดันโลหิตต่ำ (anaphylactic reaction) หากรักษาไม่ทัน อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
นพ.พิพัฒน์ เลขาธิการฯ อย. กล่าวต่อไปว่า หากผู้บริโภครายใดมีความประสงค์จะฉีดสารใด ๆ เพื่อเสริมความงาม ควรเข้ารับบริการฉีดกับสถานพยาบาลที่มีใบอนุญาตประกอบสถานพยาบาลตามกฎหมาย หากเกิดอันตรายจากการแพ้ ทางสถานพยาบาลก็จะรับผิดชอบ และมีเครื่องมือทางการแพทย์ พร้อมทั้งยาที่จะช่วยเหลือคนไข้ได้ทันท่วงที นอกจากนี้ ควรได้รับการฉีดจากแพทย์เฉพาะทางที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านโครงสร้างผิวหนัง กายวิภาค เซลล์วิทยา เนื่องจากจะไม่ฉีดให้กระทบเส้นเลือดหรือเส้นประสาท และสามารถรู้ได้ว่าผู้มารับบริการควรได้รับยาฉีดปริมาณเท่าไหร่ หากฉีดกับผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ หรือไม่ใช่แพทย์เฉพาะทาง อาจเสี่ยงต่อการฉีดผิดวิธีไม่ถูกทาง อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ตามที่มีข่าวปรากฏให้เห็นอยู่บ่อย ๆ
ดังนั้น ขอให้กรณีที่เกิดกับหญิงสาวรายนี้เป็นอุทธาหรณ์ให้ผู้คิดที่จะฉีดสารเสริมความงามเข้าสู่ร่างกายพิจารณาให้ถี่ถ้วน ระมัดระวัง ไม่หลงคารมโฆษณาผลิตภัณฑ์ ราคาถูก และเห็นแก่ความสะดวกในการไปฉีดตามบ้าน ตามรถ ตามห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ที่ไม่ใช่สถานพยาบาล ที่สำคัญ ควรสอบถามและขอดูตัวยาที่ใช้ว่ามีการอนุญาตขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพื่อให้ได้ยาที่มีคุณภาพมาตรฐาน หากฉีดยากับบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ หรือใช้ยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน และสถานที่ฉีดยาที่ไม่น่าเชื่อถือ ผลที่ได้อาจไม่คุ้ม เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย เช่น เกิดการอักเสบ อาการแพ้ต่างๆ นอกจากจะไม่สามารถหาผู้รับผิดชอบแล้ว ยังอาจเสียเงินทองจำนวนมากในการรักษาร่างกายด้วย หากผู้บริโภคพบเห็นผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย หรือโฆษณา โอ้อวดสรรพคุณเกินจริงผ่านทางสื่อต่างๆ สามารถร้องเรียนมายังสายด่วน อย. โทร. 1556
รวบแล้วหมอเถื่อน!!! ฉีดคอลลาเจน"น้องกระแต"สาวพริตตี้ เป็นเจ้าหญิงนิทรา http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1348147291
หลังจากเกิดเหตุการณ์ น.ส.อาทิตยา เอี่ยมใหญ่ หรือน้องกระแต พริตตี้สาว อายุ 33 ปี ที่ไปฉีดคอลลาเจนที่สะโพกกับชายที่อ้างว่าชื่อ "หมอป๊อป" ภายในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งที่ลาดพร้าว ซอย 101 แล้วเกิดอาการช็อคหมดสติ สมองขาดออกซิเจน ขณะนี้นอนรักษาตัวอยู่ที่รพ.กล้วยน้ำไท 1 นั้น
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 20 กันยายน นายชัชชญา ผินกลับ ซึ่งเป็นญาติของน.ส.อาทิตยา ได้เดินทางให้ปากคำกับพ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.ดส.บช.น. กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ในช่วงกลางดึกวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ได้ไปเป็นเพื่อนน.ส.อาทิตยา ผู้บาดเจ็บเพื่อไปฉีดคอลลาเจนเสริมสะโพกกับหมอป๊อป ซึ่งมีกลุ่มพริตตี้แนะนำมา โดยที่ตนกับน.ส.อาทิตยาไม่ทราบว่า หมอป๊อปเป็นหมอจริงหรือไม่ และไม่รู้ว่าได้ทำการเสริมฉีดคอลลาเจนเสริมความงามมานานเท่าไหร่แล้ว แต่พอมีเพื่อนในกลุ่มพริตตี้แนะนำมาจึงได้เดินทางไป เมื่อน.ส.อาทิตยาฉีดคอลลาเจนเข้าไปแล้วได้เกิดอาการมึนๆงงๆ โดยทางหมอป๊อปบอกว่า เป็นแค่อาการข้างเคียงของยาที่ฉีดเข้าไปเท่านั้น สักพักอาการก็จะดีขึ้น แต่จากนั้นไม่นานอาการของน.ส.อาทิตยาไม่ดีขึ้น รู้สึกแย่ลง หายใจติดขัด และมีอาการช็อค
"พอเห็นท่าไม่ดี จึงได้บอกให้หมอป๊อปพาส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง เนื่องจากผมขับรถไม่เป็น จากนั้นหมอป๊อปได้ขับรถยนต์ของน้องกระแต ซึ่งเป็นรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ เชพโรเลด รุ่นอาวีโอ สีเขียว นำตัวไปส่งที่รพ.ลาดพร้าว ก่อนที่จะมีการส่งตัวไปรักษาต่อที่รพ.กล้วยน้ำไท 1 ซึ่งจนถึงขณะนี้อาการของน้องกระแตยังคงไม่ได้สติ ขยับเขยื้อนตัวไม่ได้ ไม่รู้สึกตัว และยังตกใจกับเหตุการณ์ที่ยังเกิดขึ้นอยู่ " นายชัชชญากล่าว
ด้าน พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าวว่า หลังจากได้รับเรื่องราวร้องทุกข์จากทางญาติผู้เสียหายเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับได้เร่งประสานกับทางกระทรวงสาธารณสุข และได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาพยานหลักฐานรวมทั้งสอบปากคำ กับทางญาติของทางน.ส.อาทิตยา กระทั่งได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะที่ชายที่อ้างชื่อว่า เป็นหมอป๊อป ขณะนำตัวผู้เสียหายส่งที่รพ.ลาดพร้าว โดยกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพชายคนดังกล่าวได้อย่างชัดเจน ในเวลา 02.00 น.ของวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา
"ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทราบชื่อและที่อยู่แล้ว จึงได้จัดกำลังฝ่ายสืบสวนไปเฝ้าพื่อทำการจับกุม ขณะเดียวกันได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลอนุมัติขอหมายจับ ซึ่งคาดว่าภายในวันนี้จะสามารถจับกุมตัวคนที่อ้างตัวว่าเป็นหมอป๊อป มาทำการสอบสวนมาดำเนินคดีได้ ส่วนจะเป็นหมอจริงหรือไม่นั้น จะต้องรอการสอบสวนเจ้าตัวอีกทีหนึ่ง"พ.ต.อ.วิวัฒน์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่กก.ดส.ได้นำกำลังไปควบคุมตัว หมอป๊อปและตรวจค้นพยานหลักฐานในจุดที่หมอป๊อปไปทำการฉีดสารคอลลาเจน จนทำให้น.ส.อาทิตยาเป็นเจ้าหญิงนิทรา จากนั้นจะนำตัวมาสอบสวนที่บก.ดส.ในคืนนี้ และในวันที่ 21 กันยายน จะมีการนำตัวหมอป๊อปมาทำการแถลงข่าวโดยให้พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ทำการแถลงข่าวที่บช.น.ในเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล
ฉาว! ล้วงควักยัดเงินใส่ กนน.สาวรำวง กลางตลาด จ.น่าน http://www.jadtem.com/21902/
ฉาว! ตลาดสด จ. น่าน คืนกำไรให้ลูกค้าในวันตรุษจีน จัดแสดงสาวรำวงนุ่งน้อยห่มน้อย เต้นยั่วยวนกลางตลาด โดยมีลูกค้าหนุ่ม ๆ ยัดเงินใส่กางเกงในตบรางวัล แถมล้วงควักกลางเวที
วานนี้ (22 มกราคม) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน จ.น่าน ได้มีการจัดฉลองตรุษจีน คืนกำไรให้กับลูกค้า ด้วยการนำคณะสาวรำวงนุ่งน้อยห่มน้อยมาเต้นโชว์ด้วยท่าทางที่ยั่วยวน ซึ่งสร้างความสนใจให้กับลูกค้าหนุ่ม ๆ ได้เป็นอย่างดี ถึงกับมามุ่งดูกันอย่างแน่นขนัด ส่วนลูกค้าผู้หญิงที่มาจับจ่ายซื้อของในตลาด ต่างต้องเบือนหน้าหนีกับการแสดงที่ไม่เหมาะสมของสาวรำวงดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ใกล้ ๆ กับเวทีนั้น มีการตั้งวงดื่มสุรากันอย่างมากมาย ต่างโห่ร้องชอบใจที่สาวรำวงเต้นยั่ว จนกระทั่งมีหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังเมาได้ที่ ขึ้นไปบนเวทีร่วมเต้นกับสาวรำวง และมือไวทั้งล้วงทั้งควักแถมโอบกอดต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก ส่วนบางคนก็ยื่นสุราให้สาวรำวงได้ดื่มด้วย ยังไม่หมดเพียงเท่านั้นบางคนยังตบรางวัลด้วยการยัดเงินเข้าในกางเกงในของสาวรำวงอีกด้วย
ทั้งนี้ ทางด้านเจ้าหน้าที่สายตรวจได้เห็นเหตุการณ์จึงได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางเข้าไปตักเตือน พร้อมกำชับให้สาวรำวงไม่ให้เต้นท่าทางที่ยั่วยวน และห้ามลงมาเต้นข้างล่างเด็ดขาด พร้อมกันนี้ถ้าพบเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสมจะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
อย่างไรก็ตาม การจัดแสดงรำวงดังกล่าวก็ยุติลง ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการแสดงที่ไม่เหมาะสม และเป็นการทำลายศิลปวัฒนธรรมของเมืองเก่าอย่าง จ.น่าน อีกด้วย
เรียกร้องความยุติธรรม ‘ฝ้าย’ ร่ำไห้! ครวญอย่าป้องคนผิด ท้า ‘แด๊ก’ ตรวจดีเอ็นเอใหม่ ( ข่าวบันเทิง ) http://www.andamanguide.com/thailand_news/news_2_9.html
ถึงกับช็อคทีเดียวเมื่อทราบผลการตรวจดีเอ็นเอที่ทางสถาบันนิติเวชฯ ระบุมาว่า ด.ช.ธนะโชค ไชยมงคล หรือ ‘น้องจัสติน’ ไม่ใช่ลูกของนักร้องหนุ่ม ‘แด๊ก บิ๊กแอส’ โดยอดีตนางแบบนู้ด ฝ้าย-ฟารีดา เผยว่าพบพิรุธมากมาย พร้อมทั้งเรียกร้องความยุติธรรม ขอตรวจดีเอ็นเอใหม่พร้อมกัน 3 คน
หลังสถาบันนิติเวชฯ ได้ออกมาแถลงข่าวยืนยันผลการตรวจดีเอ็นเอของนักร้องหนุ่ม แด๊ก บิ๊กแอส กับอดีตนางแบบนู้ด ฝ้าย-ฟารีดา และลูกชายวัย 5 เดือนเศษ ‘น้องจัสติน’ อย่างเป็นทางการว่า แด๊ก บิ๊กแอส ไม่ได้เป็นพ่อของน้องจัสติน เมื่อทราบข่าว ฝ้าย-ฟารีดา ออกอาการช็อคไม่ยอมรับผลการตรวจ และเรียกร้องให้นักร้องหนุ่มออกมาตรวจใหม่พร้อมกัน 3 คน ถ้าผลครั้งใหม่ออกมาเหมือนครั้งแรก เจ้าตัวก็จะก้มหน้ายอมรับ
‘หนูไม่เชื่อผลการตรวจครั้งนี้ค่ะ คิดว่าการตรวจครั้งนี้ไม่ยุติธรรม เพราะไม่ได้ตรวจพร้อมกัน 3 คน แล้ววันที่หนูไปตรวจก็ได้พูดกับทางสถาบันฯแล้วว่า ห้ามไปบอกใครว่าหนูพาจัสตินไปตรวจดีเอ็นเอ แต่ปรากฏว่าหนูเป็นคนสุดท้ายที่รู้ผล ทั้งที่เขาบอกว่าหนูจะรู้ผลเป็นคนแรก แต่ทำไมหนูถึงรู้เป็นคนสุดท้าย’
‘ผลที่ออกมาถ้าจัสตินไม่ใช่ลูกเขา ก็ต้องไม่ใช่เลยทั้งหมด ทำไมบอกว่าใช่ 7 จุด ไม่ใช่ 9 จุด หนูงงอ่ะ เพราะหนูไม่ใช่แพทย์ ถ้าลูกหนูไม่ใช่สายเลือดเขา ก็ต้องไม่ใช่ทุกจุด ทำไมมีใช่แค่ 7 จุด แล้วไม่ใช่อีกตั้ง 9 จุด หนูไม่เข้าใจเหมือนกัน และเขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรให้หนูฟังเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหนูไม่ได้กล่าวหาใครนะคะ หนูไม่ได้พาดพิงถึงใคร และไม่ได้โทษใคร หนูแค่ขอความยุติธรรมเท่านั้น มันเป็นความคิดของหนู เป็นความคิดของเด็กโง่ๆ คนหนึ่ง หนูก็คิดของหนูแบบนี้’
‘ตอนแรกเขาบอกว่าอีก 3 อาทิตย์ผลถึงจะออกมา แต่ผลกลับออกเมื่อวาน หนูก็เลยเอะใจ ขนาดของแด๊กที่ไปตรวจยังรออาทิตย์หนึ่งเลย ของหนูไปตรวจวันที่ 4 พ.ค.แล้วผลออกวันที่ 9 พ.ค. มันใช้เวลาแค่ 5 วันเอง ทำไมผลถึงออกมาเร็วแบบนี้ มันยังไม่ถึง 3 อาทิตย์เลย หนูไม่ทราบเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ที่สำคัญพี่ชลลดา ที่เป็นเจ้าหน้าที่ที่ดูแลผลการตรวจที่นิติเวชฯ บอกว่า จะรักษาคำพูดให้ดีที่สุด เขาจะบอกผลหนูเป็นคนแรก แต่นี่หนูกลับรู้เป็นคนสุดท้าย มันหมายความว่ายังไง’
‘หนูอยากจะพิสูจน์อีกครั้ง ถึงวันนั้นหนูกล้าที่จะยอมรับความจริงนะ แต่ตอนนี้มันไม่ยุติธรรม ดูยังไงก็ไม่ยุติธรรม ซึ่งวันนี้ (10 พ.ค.) แด๊กจะไปรับฟังข้อกล่าวหา แต่มันเหมือนเจตนาจะให้ผลดีเอ็นเอออกมาวันที่ 9 พวกเขาเล่นอะไรกันอยู่ อยากให้เขาสงสารเด็กตาดำๆ คนหนึ่งบ้าง หนูอยากจะวอนผู้ใหญ่อย่าปกป้องคนผิดเลย นึกซะว่าสงสารหนูกับลูก เห็นแก่อนาคตของเด็กตาดำๆ คนหนึ่งเถอะ เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย’
ปฏิทินลีโอ โป๊ ยังไง ลูกเกดโต้ สิงห์ เลี่ยงงดแถม http://women.kapook.com/view7864.html
เปิด ตัวแล้วคึกคักปฏิทินฉาว ลีโอ 6 นางแบบเซ็กซี่ (อุ้ม-ลักขณา วัธนวงส์ศิริ, แอนนา รีส, ครี-พัสวีพิชญ์ ศรอัคราภา, แพม-ปานพิมพ์ เตชะธนชัยพัฒน์,แอม-สุทธิกานต์ หวังเจริญทวีกุล และ มิกซ์ เจนจิรา เกิดประสพ) ขึ้นเวทีร่วมเปิดตัวด้วย บริษัทสิงห์แถลงงดแจกพร้อมเบียร์ แต่จะทำอย่างไรต่อไปเป็นเรื่องของบริษัทฟินาเล่ผู้ผลิต จะขายหรือจะทำอะไรก็แล้วแต่ ด้าน ลูกเกด ยันไม่ได้ทำอะไรผิด อีกทั้งปฏิทินก็ไม่ได้โป๊หรืออนาจาร ในนิตยสารถ่ายเยอะกว่านี้ยังวางขายได้
เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. น.พ.สมาน ฟูตระกูล ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีบริษัทสิงห์ คอปอเรชั่น แถลงข่าวการจัดทำปฏิทินวาบหวิว ลีโอ ปี 2010 ชุด Body Paint เพื่อแจกประชาชนที่ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า ฝ่ายกฎหมายของ สธ.ได้ให้ความเห็นแล้วว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน แต่จะต้องรอฟังความเห็นของที่ปรึกษาด้านนิเทศ ศาสตร์ เรื่องการตีความเรื่องการโฆษณาสร้างสรรค์สังคมหรือไม่ ซึ่งหากที่ปรึกษาทั้ง 2 ชุด ให้ความเห็นเป็นทิศทางเดียวกัน สธ.สามารถดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายเพื่อเอาผิดลงโทษได้ทันที คือมีความผิดตามมาตรา 32 ว่าด้วยเรื่องการโฆษณา ตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ที่มีการแสดงชื่อ เครื่องหมายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เห็นชัดเจนทั้งทางตรงและอ้อม โดยที่ไม่มีการให้ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้เชิงสร้างสรรค์สังคม โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีโทษปรับอีกวันละ 50,000 บาท
ขอเตือนสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ขอให้ระมัด ระวังการนำภาพตัวอย่างปฏิทินวาบหวิวดังกล่าวไปตีพิมพ์ลงตามหนังสือพิมพ์ นิตยสาร รวมถึงเว็บไซต์ต่างๆ ด้วยเป็นการทำผิดกฎหมายตามมาตรา 32 เรื่องการโฆษณาเช่นกัน โดยมีความผิดฐานเดียวกับผู้จัดทำ ผู้ว่าจ้างทำปฏิทินด้วยเช่นกัน ซึ่งมีโทษทั้งจำและปรับ ซึ่งในปีนี้ สธ.จะไม่เตือนซ้ำอีก เพราะถือว่าได้มีการเตือนแล้วในปีที่แล้ว น.พ.สมานกล่าว
ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผอ.สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า บริษัทสิงห์ฯ ต้องออกมาอธิบายให้ได้ว่า การทำปฏิทินวาบหวิวแจกครั้งนี้ เป็นการโฆษณาเชิงสร้างสรรค์สังคมอย่างไร เพราะตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อนุญาตให้โฆษณาเชิงสร้าง สรรค์สังคมได้เท่านั้น รวมทั้งเรียกร้องให้บริษัทสิงห์ฯ ตรวจสอบว่าการทำธุรกิจของบริษัททำผิดกฎหมายไปแล้วกี่ครั้ง และมีการแก้ไขให้ถูกต้องหรือไม่ โดยเฉพาะการโฆษณาให้เห็นขวด ผลิตภัณฑ์เบียร์ และลานเบียร์ของบริษัทสิงห์ฯ ที่อยู่ในสถานที่ห้ามดื่ม ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่หลายจังหวัด เช่น ในสวนสาธารณะ สถานที่ราชการ เป็นต้น ซึ่งภาคีเครือข่ายฯ ได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน และแจ้งความดำเนินคดีในหลายจังหวัดแล้ว
น.พ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่ทราบในข้อกฎหมายว่า สามารถแจกจ่ายปฏิทินดังกล่าวได้หรือไม่ แต่ทุกอย่างต้องยึดตามกฎหมายเป็นหลัก ต้องไปดูรายละเอียดทั้งหมดว่า บริษัทใช้ข้อกฎหมายใดในการผลิตปฏิทินดังกล่าวออกมา แล้วกระทรวงสาธารณสุขให้ข้อกฎหมายใดในการบังคับ แต่โดยส่วนตัวแล้วไม่สนใจเรื่องการแจกปฏิทินหรือการห้ามแจกเป็นเรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การที่จะทำอย่างไรให้ผู้ที่บริโภคแอลกอฮอล์แล้วไม่ออกมาขับรถ จนเกิดอุบัติเหตุเป็นอันตรายต่อตนเองและบุคคลอื่น
จากกรณี "นารูโตะภาคพิศดาร" สำนึกหย่อน+ประสิทธิภาพยาน 31 มีนาคม 2552 http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9520000036458
น่าสนใจไม่น้อยสำหรับข่าวพาดหัวของหนังสือพิมพ์หลายฉบับเกี่ยวกับกรณีที่ศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้ออกมาเปิดเผยถึงข้อร้องเรียนจากผู้ปกครองบางส่วนหลังพบว่าหลานชายหลานสาวอายุประมาณ 7-10 ปี กำลังนั่งดูการ์ตูนเรื่อง "นารูโตะ ภาคพิศดาร" ที่มีฉากการร่วมเพศอย่างโจ๋งครึ่มผ่านทางเว็บไซต์ชื่อดังเว็บไซต์หนึ่ง
จากการตรวจสอบของศูนย์เฝ้าระวังในเบื้องต้นพบว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิดตามกฎหมาย จึงจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดส่งไปให้ทางไอซีทีเพื่อแจ้งไปยังเว็บไซต์ดังกล่าว และทำการปิดหน้าเว็บบอร์ดที่มีการเผยแพร่คลิปการ์ตูนนารูโตะภาคพิสดารเสีย รวมถึงจะมีการส่งฟ้องต่อศาลให้พิจารณาโทษตามกฎหมายต่อไป
คลิปที่ระบุว่าเป็น "นารูโตะภาคพิศดาร" ทั้งๆ ที่เป็นการ์ตูนเรื่อง "นาเดีย"
เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้จะให้คุณอนันต์ แต่ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสารในโลกออนไลน์ก็กลายเป็นช่องทางช่องหนึ่งที่นำความเสี่ยงมาสู่ผู้ใช้ไม่น้อยเช่นกัน
เฉพาะอย่างยิ่งกับเหล่าเด็กและเยาวชนซึ่งมักจะตกเป็นเหยื่อได้ง่ายดาย นำมาซึ่งสิ่งที่เป็นปัญหาสังคมอันหลากหลาย โดยที่มากสุดคงหนีไม่พ้นในเรื่องของพฤติกรรมทางเพศ
คำถามก็คือ ในขณะที่เด็กๆ เอง "รู้" และสามารถจะเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายแล้ว ผู้ใหญ่หรือบรรดาผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ล่ะ "ตามทัน" และเข้าใจถึงแก่นปัญหาที่แท้จริงมากน้อยเพียงใด?
ยกตัวอย่างกับกรณีของคลิปการ์ตูนที่เป็นข่าวที่ถูกระบุว่านารูโตะฯ (และทุกคนก็บอกว่าเป็นนารูโตะ)นั้นก็ผิดเสียแล้ว เพราะจากภาพที่ออกมามันน่าจะเป็นตัวละครจากการ์ตูนเรื่อง "นาเดีย" มากกว่า
โดยการทำการ์ตูนโป๊ อนิเมะ-มังงะ (ทั้งที่เป็นของใหม่ หรือการนำเอาตัวละครจากการ์ตูนเรื่องต่างๆ ทีมีชื่อเสียงอยู่แล้ว อาทิ ซิตี้ ฮันเตอร์, โดราเอมอน, ปาร์แมน ปาร์แมน ฯ) ให้มีเรื่องราวส่อไปในทางลามก อนาจาร มีการร่วมเพศกันอย่างโจ๋งครึ่มเช่นนี้ จะเรียกกันว่า "เฮนไต" (Hentai) (โดยตัวของมันเองแปลว่า วิปริต ผิดแผก) ซึ่งที่ญี่ปุ่นเองมีอนิเมะประเภทนี้ไม่น้อยทีเดียว
(แต่ถ้าการ์ตูนเล่มที่มีการเขียนตัวละครโดยการเลียนแบบคาแรกเตอร์ของตัวการ์ตูนที่มีอยู่แล้วนำมาเขียนเรื่องราวใหม่โดยไม่ผ่านระบบขั้นตอนและการจัดจำหน่ายของสำนักพิมพ์จะเรียกว่า "โดจิน" หรือ "โดจินชิ" ซึ่งว่ากันว่า 80% ของการ์ตูนประเภทนี้จะเป็นการ์ตูนโป๊เสียส่วนใหญ่)
2 ปีที่แล้วหลายคนคงจำกันได้ถึงข่าวคราวที่มีการ์ตูนโป๊ญี่ปุ่นจำนวนนับ 10 เล่มไปโผล่อยู่ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติมาแล้ว ที่น่าคิดก็คือหากมองกันว่านี่คือปัญหา เราจะมีวิธีการที่จะรับมือกับมันอย่างไร?
ภาพการ์ตูนลามกอนาจารที่มีอยู่มากมาย
โดยเฉพาะในโลกของออนไลน์และการเติบโตขึ้นของโพสต์เว็บ Hi5 msm ที่นับวันจะง่ายขึ้นทั้งสำหรับคนที่ต้องการจะเผยแพร่ และทั้งสำหรับผู้ที่ต้องการจะเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้
7ขวบดูการ์ตูนภาคพิสดาร วธ.ตื่นสกัดคลิปโป๊แพร่เว็บ, เดือด! 2 ม.ส่งรุ่นพี่แชตออนไลน์ชิงนศ.ใหม่, ตำรวจรวบโจ๋ ลวงเด็กหญิงส่งภาพเปลือยผ่าน PS3, เกมอุบาทว์ไล่ข่มขืนเหยื่อเป็นแม่กับลูกสาวขายเกร่อ-ตร.จี้เข้มงวด, โพลชี้โจ๋มัธยมร้อยละ 13 เคยมีเซ็กซ์ น่าห่วง! กว่า 7% ได้จากแชต-Hi5-MSN, เด็ก 8 ขวบติดเกมส์งอมแงม เร่ขอทานแลกเงินเล่นทุกวัน, ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต เด็กโหดฆ่าแม่เพราะฉุนโดนยึดเกม ฯลฯ
แม้จะถูกวิจารณ์ว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แก้ปัญหาเอาหน้า แก้ไม่ถูกจุด แก้ไม่ได้เรื่อง กระทั่งทว่าเมื่อถามไปยัง "ลัดดา ตั้งสุภาชัย" ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เจ้าตัวยืนยันว่าผู้ที่รับผิดชอบกับเรื่องเหล่านี้ก็พยายามที่จะทำให้การทำงานทุกๆ อย่างมีความรวดเร็วขึ้น
"การทำงานปัจจุบันไม่ได้ขึ้นอยู่กับกระทรวงอย่างเดียว คือทำแบบคู่ขนานโดยร่วมมือกันหมดทั้งตำรวจ ICT และเจ้าหน้าที่ ขั้นแรกหากตรวจพบเว็บเข้าข่ายอนาจารก็จะสั่งบล็อคไว้ก่อนในขั้นต้น จากนั้นเจ้าหน้าที่จะไล่เซฟ url และลิ้งค์ที่เกี่ยวข้องไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อเวลาเข้าไปที่ root พื้นฐานจะได้ยังมีหลักฐานจี้ให้กระทรวง ICT ปฏิเสธในการดำเนินการต่อไปไม่ได้ เหมือนที่ทำเป็นขั้น ก มันก็ต้องมี ข ตามมา"
"จากนั้นกระทรวง ICT จึงขอหมายศาลเพื่อเข้าไปยัง server เอาผิดเจ้าของเว็บ การดำเนินการดังกล่าวกินเวลาไม่นาน หากเจ้าของเว็บชิงลบข้อมูลออกไป ทั้งหมดก็ถูกกู้กลับมาได้อยู่ดีเพราะส่วนมากยังคงอยู่ในฮาร์ดดิสก์ ถึงแม้เมื่อมีพาสเวิร์ดแต่ไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็จะสามารถทราบพาสเวิร์ดได้อยู่ เรียกว่าไม่หลุดรอดแน่นอน"
ส่วนสาเหตุที่ยังมีเว็บไซต์ที่เข้าข่ายลามกอนาจารอีกมากมายชนิดที่ค้นหาได้ง่ายๆ เพียงคลิกคำอย่าง คลิป โป๊ เสียว ฯ ในเว็บเสิร์ช ก็จะปรากฏรายชื่อเว็บที่เป็นภาษาไทยออกมาจำนวนมากมายนั้น เรื่องนี้ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังเผยว่าที่สำคัญก็คือผู้ประกอบการนั้นขาดจิตสำนึกที่จะรับผิดชอบต่อสังคม
เซ็นเซอร์ฉาก "ชิซูกะ" อาบน้ำ ตัวอย่างหนึ่งของการทำงานป้องกัน-ปราบปรามแบบไทยๆ
"เพราะก่อนที่จะมีการเปิดใช้เว็บในหนังสือคู่สัญญาระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าสิ่งที่เผยแพร่นั้นจะต้องไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดี อย่าง web ที่มักจะจดทะเบียนแค่ครั้งเดียว จงใจไม่อัพเดทความเป็นไป (เว็บเถื่อน) เหล่านี้ก็เกิดขึ้นเยอะจนบางทีเกินความสามารถในการสอดส่องดูแล"
"ส่วนผู้เกี่ยวข้อง เช่น เสิร์ช เอนจิ้น ใหญ่ๆ อย่างกูเกิลเราก็ขอความร่วมมือไปแล้วในการสืบค้น โดยใช้คีย์เวิร์ดที่ล่อแหลมและสุ่มเสี่ยง กูเกิลก็ให้ความร่วมมือไปแล้วเป็นร้อยๆ คำ โดยที่จะบล็อคคำเหล่านั้นเอาไว้ แต่ก็มีเว็บอีกจำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่ผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด"
ย้ำทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่พอเกิดเรื่องก็โทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทุกฝ่ายจะปฏิเสธในความรับผิดชอบร่วมกันไม่ได้ เพราะหากทุกคนมีจิตสำนึกที่ดี ทุกอย่างจะไม่เลวร้ายลงมาก และยังพอที่จะแก้ไขได้ทันท่วงที
"โดยเฉพาะผู้ปกครองที่เลี้ยงลูกแบบบุฟเฟต์ คือไม่กลั่นกรองสื่อที่ลูกเสพเข้าไปให้มากพอ จนบางครั้งกลายเป็นความละเลยเกินแก้ ในทางกลับกันเชื่อว่าเด็กก็ทราบว่าอะไรไม่ดี เหมือนกับที่พริกเผ็ด เขาก็จะเรียนรู้ที่จะไม่กินเข้าไป"
"แต่สิ่งเหล่านี้ไม่แสดงโทษให้เด็กเห็นมากพอ ซ้ำร้ายยังเป็นการยั่วยุให้เข้าไปคลุกคลีได้ง่าย ตรงนี้เด็กเองจะต้องตระหนักและดูแลตัวเองให้ได้มากพอด้วย"
สอดรับกับคำบอกเล่าของเว็บมาสเตอร์ "ใส่ใจ ดอทเน็ต" (http://www.saijai.net) ที่มองว่า...
"คือถ้าเด็กและเยาวชนเข้าถึงเว็บไซต์พวกนี้ได้ง่ายมันย่อมเกิดผลเสียแน่นอน เพราะเขาจะเห็นตัวอย่างที่ไม่เหมาะสม อีกทั้งถ้ามีเว็บเช่นนี้ออกมามากๆ ก็จะทำให้เกิดความเคยชินและเฉยชา เห็นเรื่องไม่สมควรเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับตน ซึ่งนับว่าอันตรายกับสังคมไทยมากขึ้นทุกที"
สำหรับการเกิดขึ้นของไส่ใจ ดอทเน็ต นั้นก็คืออีกหนึ่งความพยายามที่จะให้ผู้ปกครองได้รับรู้พฤติกรรมการใช้คอมพิวเตอร์ของของบุตรหลานทั้งในส่วนของอินเทอร์เน็ต เกมออนไลน์ การแชต โดยจะต้องสมัครเป็นสมาชิกและเสียค่าบริการเพื่อที่จะรับโปรแกรมที่ว่านี้มา
เพียงแค่พิมพ์คำว่า "คลิป" ในเว็บเสิร์ชก็จะเจอเว็บแบบนี้มากมาย
"เว็บนี้มีการทำงานโดยจะมอนิเตอร์การเข้าใช้งาน internet webcam chat รวมทั้งเกมออนไลน์ต่างๆ เน้นเป็นการใช้งานของผู้ปกครองโดยเฉพาะ โดยสามารถกำหนดได้ว่าภายใน 24 ชั่วโมง ช่วงเวลาใดที่มีความเหมาะสมที่จะอนุญาตให้เด็กเล่นได้"
"อีกอันหนึ่งเป็นฟิลเตอร์กรองเว็บที่ไม่เหมาะสม โดยจะบล็อคเว็บที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมต่อเยาวชน มีการอัพเดท url ทุกสัปดาห์ รวมกับที่ทางผู้ปกครองแจ้งอัพเดทด้วย ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาในการใช้งาน สามารถทำงานได้อยู่ในเกณฑ์ดีจากความเห็นของผู้ปกครองส่วนใหญ่"
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเว็บมาสเตอร์คอนเดิมยอมรับว่าทั้งหมดนี้คือการป้องกันเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะที่สำคัญก็คือจิตสำนึกของผู้ที่เกี่ยวข้องนั่นเอง
"การทำงานของเว็บนี้ก็สามารถช่วยได้ส่วนหนึ่ง ถึงจะเรียกได้ว่ามีประสิทธิภาพ แต่คงไม่สำคัญเท่าจิตสำนึกของผู้เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นตัวผู้ปกครองหรือแม้แต่กระทั่งตัวเด็กเอง เชื่อว่าเด็กส่วนมากรู้ว่าอะไรที่ไม่เหมาะสม"
"หากไม่ปล่อยปละละเลยตรงจุดนี้ไปและมีจิตสำนึกมากพอที่จะเห็นว่าไม่เหมาะสม ตัวเราเองน่าจะให้คำตอบและกลั่นกรองเองดีที่สุด"
จากการจัดอันดับของสถาบันจัดลำดับอินเตอร์เน็ตที่น่าเชื่อถือ Internet Watch Foundation เกี่ยวกับ การเผยแพร่ภาพลามกอนาจารของเด็กและสตรีผ่านเว็บไซต์ ในปี พ.ศ. 2549 ประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 5 คิดเป็น 3.6% โดยมีสหรัฐอเมริกามาเป็นอันดับหนึ่ง 51.1% อันดับที่ 2 รัสเซีย 14.9% อันดับ 3 ญี่ปุ่น 11.7% อันดับ 4 สเปน 8.8% อันดับที่ 6 เกาหลีใต้ 2.16% อันดับที่ 7 อังกฤษ 0.2% และประเทศอื่นๆ อีก 7.5%
โดยตั้งแต่เมื่อเดือนเมษายน 2545 พบเว็บไซต์ลามกอนาจารภาษาไทย 11,681 ราย เว็บไซต์ลามกอนาจารภาษาต่างประเทศ 7,273 ราย เว็บไซต์ภาพเด็กและเยาวชนลามก 1,592 ราย เว็บไซต์ขายวัตถุลามกภาษาไทย 4,051 ราย เว็บไซต์ขายวัตถุลามกภาษาต่างประเทศ 500 ราย และเว็บขายบริการทางเพศ 860 ราย
อาจารย์ฉาว ขออึ๊บนศ.แลกเกรด 29 มิถุนายน 2551 นสพ.ไทยรัฐ http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9510000077328
https://www.dek-d.com/education/9243/
เมื่อเวลา 16.40 น. วันที่ 29 มิ.ย. พ.ต.ต.รักเกียรติ แย้มบางยาง พนักงานสอบสวน สภ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี รับแจ้งจาก น.ส.เฟิร์น (นามสมมติ) อายุ 21 ปี อยู่ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี เป็นนักศึกษาปีที่ 3 คณะบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ว่า ขอให้ดำเนินคดีกับ ผศ.จักรฤทธิ์ อุทโธ อายุ 41 ปี อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเดียวกัน ในข้อหากระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ
ทั้งนี้ น.ส.เฟิร์นให้รายละเอียดว่า ภาคเรียนก่อนหน้านี้เคยเรียนวิชาที่ ผศ.จักรฤทธิ์ เป็นผู้สอน ภายหลัง ผศ.จักรฤทธิ์ ได้ขอเบอร์โทรศัพท์มือถือไป ตอนแรกไม่ได้คิดอะไร เพราะเข้าใจว่าอาจารย์คงขอไปเพื่อความสะดวกในการติดต่อเรื่องการเรียนการสอนแบบอาจารย์กับลูกศิษย์ตามปกติทั่วไป แต่เรื่องกลับตรงกันข้ามเมื่อ ผศ.จักรฤทธิ์ได้โทรศัพท์มาหาพูดจาแทะโลมไม่เว้นแต่ละวัน รวมทั้งชวนไปกินข้าว ชวนไปเที่ยว แต่ไม่เคยรับปากและบ่ายเบี่ยงตลอดมา พอปฏิเสธไปกลับถูก ผศ.จักรฤทธิ์ ข่มขู่ว่าหากไม่ให้ความร่วมมือให้ระวังเรื่องเกรดในวิชาที่เรียนอาจจะมีปัญหา สุดท้ายวิชาดังกล่าวเพื่อนที่เรียนด้วยกันได้เกรดเอหมดยกเว้นตนได้เกรดต่ำกว่าเพื่อน
นักศึกษาสาวเหยื่ออัพเกรด กล่าวอีกว่า กระทั่งมาภาคเรียนปัจจุบัน ตนพยายามหลีกเลี่ยง ไม่เลือกเรียนวิชาเลือกที่ ผศ.จักรฤทธิ์เป็นผู้สอน แต่ก็หนีไม่พ้นต้องเรียนวิชาที่ ผศ.จักรฤทธิ์สอนอีกจนได้ และก็ถูกอาจารย์พยายามแทะโลม และลวนลามทุกครั้งที่มีโอกาส จนทนไม่ไหวนำเรื่องไปหารือกับอาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งอาจารย์ที่ปรึกษาก็ได้แต่บอกให้ระวังตัวเอง ไม่สามารถดำเนินการอะไรกับอาจารย์คนนี้ได้ ถึงแม้ว่าจะมีบรรดานักศึกษาพูดจากันหนาหูว่ามีนักศึกษาหลายรายต้องพลีกายให้กับอาจารย์คนนี้เพื่อแลกกับเกรด ซึ่งมีทั้งนักศึกษาหญิงและนักศึกษาชายที่หน้าตาดี
“เมื่อหาทางออกไม่ได้ จึงไปปรึกษากับนายตำรวจคนหนึ่ง วางแผนให้ติดอุปกรณ์บันทึกภาพและเสียงติดตัวไปทุกครั้ง หาก ผศ.จักรฤทธิ์นัดหมายให้เข้าไปพบที่ห้องพักอาจารย์ ชั้น 3 อาคารคณะศิลปศาสตร์ เพราะเชื่อว่าต้องถูกลวนลามอย่างแน่นอน และทุกอย่างก็เป็นไปตามคาด เมื่อ ผศ.จักรฤทธิ์ได้นัดให้ไปพบที่ห้องพักอาจารย์ หนูจึงติดอุปกรณ์ถ่ายภาพและเสียงไว้ตามแผน เมื่อไปในห้องพักก็ถูก ผศ.จักรฤทธิ์เข้ามาลวนลาม โอบกอด แถมยังขอทำอะไรมากกว่านั้นในห้องพัก แต่หนูพยายามบ่ายเบี่ยงเอาตัวรอด ขอผลัดไว้เป็นวันหลัง โดยบอกว่ามีเพื่อนมารออยู่ชั้นล่าง อาจารย์ก็ยินยอม แต่ขอจูบมัดจำโดยหอมแก้มหนึ่งครั้ง เมื่อได้หลักฐานแล้วหนูจึงมาแจ้งความดำเนินคดี” น.ส.เฟิร์นกล่าว
หลังการแจ้งความ น.ส.เฟิร์น เปิดเผยอีกครั้งว่า หลังการแจ้งความรู้ดีว่าจะต้องได้รับแรงกดดันจากทางมหาวิทยาลัยอย่างไรบ้าง แต่ขอยืนยันว่าเรื่องราวลักษณะนี้เกิดขึ้นมานานแล้วกับนักศึกษาหลายคนหลายรุ่น ทั้งที่เต็มใจและไม่เต็มใจ ตนจำเป็นต้องกล้าทำและกล้าแจ้งความเพื่อกระชากโฉมหน้าที่แท้จริงของอาจารย์คนนี้ เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง และปกป้องไม่ให้นักศึกษาคนอื่นต้องมาเสี่ยงภัยกับอาจารย์ที่ไร้คุณธรรมเช่นนี้
ทางด้าน พ.ต.ต.รักเกียรติเปิดเผยว่า เมื่อมีผู้เสียหายมาแจ้งความทางพนักงานสอบสวนจะทำหนังสือส่งไปยังอธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีให้ส่งตัว ผศ.จักรฤทธิ์ มารับทราบข้อกล่าวหาและให้ปากคำในฐานะที่เป็นข้าราชการ หากยังไม่มาคงต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อทางโทรศัพท์มือถือของ ผศ.จักรฤทธิ์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ไม่ยอมรับสาย พอโทร.ไปอีกครั้งปรากฏว่าปิดเครื่องไปแล้ว จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถาม ผศ.มนูญ ศรีพิพัฒน์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาอาจารย์คนนี้มีหนังสือร้องเรียนพฤติกรรมหลายครั้ง แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะผู้ร้องเรียนไม่ลงชื่อจริง แต่ครั้งนี้มีนักศึกษาถูกกระทำและมีการแจ้งความพนักงานสอบสวน ทางผู้บริหารคงนิ่งเฉยไม่ได้ ต้องตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงอย่างเร่งด่วน และจะไม่มีการปกป้องคนผิดอย่างเด็ดขาด
เกมร่วมเพศ'ฮิต รัฐไร้น้ำยาป้องกัน 20 เมษายน 2551 นสพ.ไทยโพส http://game.sanook.com/news/01788.php
http://www.pocketonline.net/board/view.php?id=4354
ไร้สาระนุกรม
'เกมโป๊' เกลื่อนเมือง ไม่ต้องเดินหาซื้อ แค่มีอินเทอร์เน็ตก็โหลดเล่นได้ เนื้อเรื่องสุดยอดลามกอนาจาร เห็นภาพเหมือนอยู่ร่วมในเกม วัยรุ่นชายกำลังนิยม ด้านครูยุ่นฉะรัฐบาลนโยบายเด็กเลอะเทอะ ซ่อมไม่ได้ซักที ไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พิษภัยจากอินเทอร์เน็ตนับวันยิ่งจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จากเมื่อก่อนที่มีเว็บไซต์ลามกที่มีภาพโป๊ ขายหนังโป๊ ล่าสุดช่วงหลังมานี้ที่ฮิตกันมากคือ เกมโป๊ ซึ่งถ้าหาซื้อก็จะมีขายตามศูนย์ไอที หรือแหล่งที่ขายหนังโป๊ทั่วไป ขายดีมาก เด็กวัยรุ่นนิยมเล่นกันโดยเฉพาะผู้ชาย เว็บไซต์ทั้งไทยและต่างชาติ บริการดาวน์โหลดเล่นกัน เด็กๆ ที่บ้านมีคอมพิวเตอร์และเล่นอินเทอร์เน็ตได้ก็สามารถค้นหาเลือกเล่นกันได้ตามใจ และส่วนมากก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไร ซึ่งช่องว่างที่ช่วยให้ฮิตกันมากและเร็วขึ้น คือเว็บไซต์ที่เป็นของต่างชาตินั้นยากในการจะบล็อกและป้องกันเหมือนเว็บไซต์รูปภาพโป๊ในปัจจุบันที่ยังหาดูกันได้
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า สำหรับเกมโป๊ส่วนมากที่อยู่ในตลาดนั้นจะมีหลากหลายแบบ อย่างเมื่อก่อนจะเป็นพวกเกมเป่ายิงฉุบ ใครแพ้ถอดเสื้อผ้า แต่ว่ารุ่นใหม่ๆ นี้จะมีแบบผจญภัย ต่อสู้ชนะแล้วได้ร่วมเพศกับผู้หญิงบ้าง เป็นเกมแข่งขันธรรมดาที่มีรางวัลคือการร่วมเพศ หรือแก้ผ้าบ้าง หรือเป็นแบบสถานการณ์ก็มี เช่น เป็นภารโรงในโรงเรียนหญิงล้วน แล้วต้องบังคับตัวเองไปลักหลับเด็กนักเรียน และที่สำคัญภาพที่เห็นในเกมจะมีทั้งเหมือนการ์ตูนแอนิเมชั่น และคล้ายคนจริงๆ รวมทั้งจะแสดงการร่วมเพศอย่างโจ๋งครึ่ม สามารถบังคับและเลือกลีลาท่าทางการร่วมเพศได้ ซึ่งตรงนี้ส่งผลให้เด็กคิดตาม และเกิดความรู้สึกอยากลองได้มากกว่าภาพโป๊หลายเท่า
ด้าน นายมนตรี สินทวิชัย หรือครู่ยุ่น ส.ว.สมุทรสงคราม กล่าวถึงกรณีเกมโป๊ที่แพร่หลายในขณะนี้ว่า ที่ผ่านมาไม่ได้มีเฉพาะเกมลามก ยังมีทั้งหนังสือ สิ่งพิมพ์ ซีดี ที่กระจายอยู่เต็มเมืองอยู่ในเวลานี้ ที่มีรูปแบบใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ ทั้งนี้ ถ้าไม่มีมาตรการที่ชัดเจนและจริงจังจากภาครัฐ ก็จะมีสื่อลามกต่างๆ ออกมาอย่างไม่รู้จบ ที่ผ่านมาการแก้ปัญหาได้สะท้อนถึงมาตรฐาน ประสิทธิภาพอันหละหลวมในการแก้ไขปัญหา เหมือนคลื่นกระทบฝั่ง
ครูยุ่นกล่าวต่อว่า ควรตระหนักได้แล้ว เพราะนโยบายเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน รัฐบาลนั้นซ่อมปัญดาดังกล่าวไม่ได้ และไม่รู้ว่าแท้จริงนั้นคืออะไร ทั้งนี้ ตนขอเสนอไว้ 4 แนวทาง ดังนี้ 1.ต้องมีการเฝ้าระวัง โดยที่หน่วยงานรัฐต้องเป็นเจ้าภาพจัดการผู้กระทำผิดให้ได้ก่อน 2.ทบทวนกฎหมายว่ารุนแรงน้อยไปหรือไม่ เพราะที่ผ่านมายังมีสื่อดังกล่าวพัฒนาออกมาเรื่อยๆ 3.ต้องมีเครือข่ายที่กว้างขวางและชี้เบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่ สุดท้ายคือ เสริมเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพให้ทันเล่ห์เหลี่ยมของกลุ่มมิจฉาชีพด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันนี้สำหรับหนังโป๊ยังคงหาซื้อได้ทั่วไปตามศูนย์ไอทีต่างๆ ทั้งในใจกลางเมืองและตามชานเมือง รวมทั้งทางอินเทอร์เน็ตที่แพร่หลายมาก ส่วนเกมโป๊ก็จะมีขายควบคู่กันไปด้วย โดยจะมีแค็ตตาล็อกให้เลือก และมีคำอธิบายเนื้อหาของเกมพร้อม ซึ่งจะขายในราคาตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป และส่วนมากก็ตั้งโต๊ะขายกันอย่างโจ๋งครึ่ม.
โพลชี้โจ๋ชายหญิง นิยมเซ็กซ์ผ่านเน็ต 20 พฤศจิกายน 2550 นสพ.ข่าวสด http://tnews.teenee.com/etc/17126.html
เสวนาแฉภัยเด็กบนโลกออนไลน์ ชี้เว็บไซต์ที่ต้องกรอกข้อมูลส่วน ตัว เป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเข้าถึงตัวเด็กได้ง่ายทั้งชิงทรัพย์ ล่อลวง ข่มขืน หรือฆาตกรรม จี้ผู้ประกอบการเว็บไซต์ควรร่วมมือไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวเด็ก อาทิ ที่อยู่ หรือเบอร์โทรศัพท์ ด้านเอแบคโพลล์เปิดผลสำรวจเด็กไทยใช้อินเตอร์เน็ตหาคู่ พบวัยรุ่นชาย 38.8 เปอร์เซ็นต์ นัดพบคนรู้จักผ่านเน็ต ส่วนวัยรุ่นหญิง 22.4 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ชาย 26.6 เปอร์ เซ็นต์ เคยมีเพศสัมพันธ์กับคนที่รู้จักทางเน็ต ฝ่ายหญิง 8.2 เปอร์เซ็นต์ และอีก 60.9 เปอร์เซ็นต์ ชอบเล่นเกมส์ออนไลน์ประเภทต่อสู้ ยิงปืน ฟัน เตะ ต่อย
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คณะอนุกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวของเด็กบนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ จัดเวทีเสวนาเรื่อง "ผู้ร้ายล่อลวงเด็ก ภัยจากการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเด็กบนโลกออนไลน์" โดยมี น.พ.พลเดช ปิ่นประทีป รมช.พัฒนาสังคมฯ เป็น ประธาน มีผู้ประกอบการด้านเว็บไซต์จากภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม โดยน.พ.พลเดช กล่าวว่า ปัจจุบันเด็กและเยาวชนใช้บริการเว็บไซต์มีลักษณะเป็นชุมชนกันมาก เช่น หาเพื่อน โพสต์ภาพ สนทนาบนเว็บบอร์ด มักต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อี-เมล์ เพื่อสมัครใช้บริการ ขณะที่ผู้ให้บริการเว็บไซต์ สามารถนำข้อมูลส่วนตัวของเด็กมาเปิดเผยจนนำไปสู่ปัญหาร้ายแรง โดยเฉพาะมิจฉาชีพใช้ข้อมูลเข้าถึงตัวเด็ก เพื่อล่อลวงและนำสู่การลักพาตัว ชิงทรัพย์ ข่มขู่ ข่มขืน หรือฆาตกรรม
ด้านนางมรกต กุลธรรมโยธิน นายกสมาคมผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตไทย กล่าวว่า ช่องทางการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะข้อมูลส่วนตัวของเด็ก เกิดขึ้นได้หลายช่องทางได้แก่ 1.ผู้ให้บริการทางเว็บไซต์เป็นผู้เปิดเผยข้อมูลเอง สามารถใช้พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กแห่งชาติ มาตรา 27 ห้ามไม่ให้ผู้ใดเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก โดยมีเจตนาทำให้เกิดความเสียหายได้ 2.มีผู้ดักหรือเจาะข้อมูลของผู้ให้บริการ สามารถใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก แล ะพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ได้ และ 3. เด็กถูกล่อลวงผ่านการให้ข้อมูลโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว สิ่งนี้ยังไม่มีมาตรการรองรับ ดังนั้นนอกจากมาตรการทางกฎหมายแล้ว ผู้ให้บริการเว็บไซต์ต้องไม่สนับสนุนให้เกิดการเปิดเผยข้อมูล และมีมาตรการป้องกัน โดยโรงเรียนและผู้ปกครองควรสอนให้เด็กใช้อินเตอร์เน็ตอย่างปลอดภัย ไม่ใช่สอนให้ใช้เป็นเพียงอย่างเดียว อาจจำเป็นต้องบรรจุไว้ในหลักสูตรการสอน
ส่วนนายปรเมศวร์ มินศิริ นายกสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย กล่าวว่า เห็นด้วยกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวของเด็กบนเว็บไซต์ ในสหรัฐอเมริกามีกฎหมาย Children"s Online Privacy Protection Act (COPPA) เรียกว่า คอปป้า กำหนดให้ผู้ให้บริการเว็บไซต์ต้องไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี กฎหมายออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2541 และมีผลบังคับใช้ในปีพ.ศ.2543 สะท้อนให้เห็นว่า ต่างประเทศตระหนักถึงความสำคัญเรื่องนี้ แต่ก็ยังเกิดปัญหา เพราะยังพบการล่อลวงเด็กผ่านข้อมูลที่ถูกเปิดเผยผ่านเว็บไซด์ในกลุ่มเด็กอายุ 15 ปี กฎหมายคอปป้าไม่สามารถครอบคลุมถึง ทำให้แต่ละเว็บไซต์จึงต้องดูแลกันเอง โดยห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี
นายกสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย กล่าวต่อว่า ขณะที่ประเทศไทยแม้จะมีบางเว็บไซต์ที่เริ่มห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว แต่ยังมีบางเว็บที่ยังไม่ให้ความร่วมมือ เพราะมองว่าข้อมูลเหล่านี้สามารถขายได้ เด็กจึงถูกใช้เป็นเครื่องมือ จึงพบว่าในการค้นหาข้อมูลทางเว็บไซต์ คำที่นิยมใช้มากที่สุดคือ หาเพื่อน หรือ หาคู่ และตามด้วยจำนวนอายุที่ยังน้อยๆ ทำให้นำสู่การล่อลวงเด็กได้ง่าย ดังนั้นผู้ประกอบการเว็บไซต์ควรให้ความร่วมมือ ด้วยการไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เช่น ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์
ขณะที่ นายนพดล กรรณิการ์ ผอ.สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวว่า สำนัก งานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ สำรวจพฤติกรรมและผลกระทบของการใช้อินเตอร์เน็ตจากกลุ่มเยาวชน กรณีศึกษาประชาชนทั่วไปอายุ 15-24 ปี ในเขตกทม. ตั้งแต่วันที่ 15-17 ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่าเด็กส่วนใหญ่มีจุดประสงค์ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อค้นหาข้อมูลความรู้ 88.2 เปอร์เซ็นต์, เล่นเกมส์ออนไลน์ 68.1 เปอร์ เซ็นต์, ดาวน์โหลดเพลง ภาพยนตร์ 65.1 เปอร์เซ็นต์, และใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ 57.9 เปอร์ เซ็นต์ ขณะที่ระยะเวลาการใช้อินเตอร์เน็ตน้อยกว่า 1 ชั่วโมงต่อวัน 13.6 เปอร์เซ็นต์, ระหว่าง 1-2 ชั่วโมง 23.9 เปอร์เซ็นต์, ระหว่าง 2-3 ชั่วโมง 20.3 เปอร์ เซ็นต์, ระหว่าง 3-4 ชั่วโมง 12.6 เปอร์เซ็นต์, ระหว่าง 4-5 ชั่วโมง 12 เปอร์เซ็นต์, และ 5 ชั่วโมงขึ้นไป 17.6 เปอร์เซ็นต์ ส่วนช่วงเวลาที่นิยมใช้มากที่สุด คือ 20.01-24.00 น. จำนวน 56.7 เปอร์เซ็นต์ และ 16.01-20.00 น. จำนวน 44.1 เปอร์เซ็นต์
นายนพดล กล่าวต่อว่า จากการจัดอันดับเว็บไซต์ที่เด็กเข้าชมบ่อยที่สุด 5 ลำดับแรก คือ 1.กูเกิ้ล 30.8 เปอร์เซ็นต์ 2.สนุกดอทคอม 11.3 เปอร์เซ็นต์ 3.ฮ็อตเมลล์ดอทคอม 9.9 เปอร์เซ็นต์ 4.กระปุกดอทคอม 5.9 เปอร์เซ็นต์ และ 5. ไฮไฟล์ต 3.9 เปอร์ เซ็นต์ นอกจากนี้ยังพบว่า วัยรุ่นชาย 20.8 เปอร์เซ็นต์ และกลุ่มวัยรุ่นเพศหญิง 12.2 เปอร์เซ็นต์ เคยประกาศหาคู่ทางอินเตอร์เน็ต ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับสื่อลามกบนอินเตอร์เน็ต เด็กและเยาวชน 53.2 เปอร์ เซ็นต์ เคยดูสื่อลามกทางอินเตอร์เน็ต ขณะที่ 46.8 เปอร์เซ็นต์ ไม่เคยดู
ผอ.สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ กล่าวอีกว่า ยังพบว่า 63.7 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ที่เคยดูสื่อลามกในอินเตอร์เน็ต เคยใช้บริการดาวน์โหลดภาพ หรือวิดีโอโป๊ 63.7 เปอร์เซ็นต์ เล่นเกมผ่านเว็บโป๊ 15.7 เปอร์เซ็นต์ และใช้บริการขอรับภาพ หรือวิดีโอผ่านอี-เมล์ 13.9 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ช่องทางที่ทำให้รับรู้สื่อลามกทางอินเตอร์เน็ต คือรู้โดยบังเอิญ 52.2 เปอร์เซ็นต์ เพื่อนแนะนำ 45.2 เปอร์เซ็นต์ รับรู้จากเว็บบอร์ด หรือกระทู้ต่างๆ 29.8 เปอร์เซ็นต์ และค้นหาจากเว็บไซต์ที่ให้บริการข้อมูล เช่น กูเกิ้ล เอ็มเอสเอ็น ไซแอมกรูรู 29.3 เปอร์เซ็นต์ โดยส่วนใหญ่เห็นว่าภาพโป๊ หรือวิดีโอโป๊เปลือยทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรมทางเพศ เช่น ข่มขืน อนาจาร 81.4 เปอร์เซ็นต์ ทำให้วัยรุ่นหมกมุ่นเรื่องเซ็กซ์ 77.4 เปอร์เซ็นต์ และทำให้มีการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และเกิดการเลียนแบบ 76.5 เปอร์เซ็นต์
นายนพดล กล่าวว่า จากการสำรวจการเข้าใช้บริการเว็บไซต์ที่มีสาระ เมื่อเทียบกับเว็บไซต์บันเทิง พบว่า 56.3 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในระดับปานกลาง โดยปัจจัยที่ทำให้เข้าชมเว็บไซต์ที่มีสาระ เพราะต้องการหาความรู้ทั่วไป 72.5 เปอร์เซ็นต์ และหาข้อมูลประกอบการศึกษา 70.3 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผู้ที่เคยได้รับผลกระทบจากการใช้อินเตอร์เน็ต อันดับ 1 คือมีพฤติกรรมทางเพศก่อนวัยอันควร หรือมีเพศสัมพันธ์กับคนในครอบครัว 39.9 เปอร์เซ็นต์ อันดับ 2 ถูกผู้อื่นกลั่นแกล้ง เช่น โพสต์ว่าเพื่อนคนนี้ขายตัว 37.2 เปอร์เซ็นต์ และอันดับ 3ถูกคุกคาม ทำร้าย ถูกกระทำอาชญากรรม 23.2 เปอร์เซ็นต์
ผอ.สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ สำหรับการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวบนโลกออนไลน์ เด็กและเยาวชน 65.4 เปอร์เซ็นต์ เคยใช้บริการออนไลน์ หรือเว็บไซต์ ที่ต้องสมัครสมาชิก และกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ เพศ ที่อยู่ และหมายโทรศัพท์ และ 33.6 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนที่กรอกข้อมูลในเว็บไซต์ เคยถูกบุคคลที่ไม่รู้จักติดต่อเข้าถึงตัว ผ่านทางโทรศัพท์และอี-เมล์ มีทั้งพูดคุยธรรมดา ชักชวนออกไปพบกัน และใช้คำพูดลวนลามเรื่องเพศ โดยเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อมีบุคคลที่ไม่รู้จักติดต่อเข้าถึงตัว พบว่า ก่อให้เกิดความไม่สบายใจ 30.4 เปอร์เซ็นต์ ถูกลวนลาม 21.4 เปอร์เซ็นต์ และถูกข่มขืน หรือทำร้ายร่างกาย 8.9 เปอร์เซ็นต์
นายนพดลกล่าวว่า ส่วนความเห็นเกี่ยวกับการสนทนาออนไลน์ พบว่าวัยรุ่น 83.8 เปอร์เซ็นต์ เคยพูดคุยผ่านทางโปรแกรมสนทนา และ 80.4 เปอร์เซ็นต์ เคยพูดคุยกับคนแปลกหน้า นอกจากนี้ในกลุ่มวัยรุ่นชาย 38.8 เปอร์เซ็นต์ เคยนัดพบคนที่รู้จักทางอินเตอร์เน็ต ขณะที่กลุ่มวัยรุ่นหญิง 22.4 เปอร์เซ็นต์ เคยนัดพบคนที่รู้จักทางอินเตอร์เน็ต ยังพบว่าในกลุ่มวัยรุ่นชาย 26.6 เปอร์เซ็นต์ เคยมีเพศสัมพันธ์กับคนที่รู้จักทางอินเตอร์เน็ต ขณะที่วัยรุ่นหญิง 8.2 เปอร์เซ็นต์ เคยมีเพศสัมพันธ์กับคนที่รู้จักทางอินเตอร์เน็ต และ 59.4 เปอร์เซ็นต์ ของวัยรุ่นหญิง ไม่เต็มใจต่อการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่รู้จักทางอินเตอร์เน็ต ทั้งนี้เยาวชนส่วนใหญ่ 60.1 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าแนวโน้มความรุนแรงของอาชญากรรมทางโลกออนไลน์ในอนาคตเพิ่มขึ้น
ผอ.สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จากการสำรวจพฤติกรรมการเล่นเกมส์ออนไลน์ พบว่า 64.2 เปอร์เซ็นต์ เคยเล่นในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา และ 35.8 เปอร์เซ็นต์ ไม่เคยเล่น สำหรับเนื้อหาสาระของเกมส์ที่ชอบเล่น คือ 1.เกมต่อสู้ ยิงปืน ฟัน เตะ ต่อย 60.9 เปอร์เซ็นต์ 2.เกมแฟนตาซี 36.8 เปอร์เซ็นต์ 3.เกมยิงตำรวจ 35.4 เปอร์เซ็นต์ 4.เกมแข่งขันกีฬา ฟุตบอล เทนนิส 28.8 เปอร์เซ็นต์ 5.เกมเปลื้องผ้า 15.2 เปอร์เซ็นต์ 6.เกมสะสมของ 13.1 เปอร์เซ็นต์ 7.เกมลับสมอง 12.9 เปอร์เซ็นต์ 8. เกมฝึกทักษะ 10.3 เปอร์เซ็นต์ 9.เกมดักฉุดหญิงสาว 4.5 เปอร์เซ็นต์ และ 10.อื่นๆ 2.5 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งจากการสำรวจพบว่าการควบคุมดูแลการใช้อินเจอร์เน็ตของผู้ปกครอง 41.5 เปอร์เซ็นต์ ยังคงปล่อยให้บุตรหลานใช้เหมือนเดิม ขณะที่ 23.9% จำกัดเวลาการใช้อินเตอร์เน็ต
ตะลึง!! "เฉินกว้านซี" ปล่อยคลิป ทั่ว Youtube เผยดาราสาวร่วมสยิว http://gossipstar.mthai.com/gossip-content/11245
โชว์สปิริตพระเอกซะที! "เฉิน กว้าน ซี (Edison Chen)" ศูนย์กลางของคดีภาพสยิวดาราฮ่องกงหลุดออกมาเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต โผล่ขอโทษขอโพยกิ๊กเก่าและสาธารณชนอย่างเป็นทางการแล้ว ทำเท่ถ่ายคลิปผ่าน "ยูทู้บ" เปิดอกบอกชาวโลก วิงวอนใครมีรูปหวิวเหล่านี้ขอให้ทำลายทิ้งให้หมดอย่าได้เก็บเอาไว้ ด้านตำรวจสอบคืบหน้า รู้แล้วตัวการปูดความลับดาราดังคนแรก ก่อนที่จะกลายเป็นข่าวฉาวโฉ่เขย่าวงการบันเทิงฮ่องกงในเวลานี้ ระบุชัดภาพหวือมีทั้งหมดกว่า 1,300 รูป เผยมี 6 สาวร่วมเล่นเสียว รู้ตัวแล้ว 4 แต่อีก 2 ไม่ทราบชื่อ
คลิปหลุดต้องแก้ด้วยคลิปขอโทษ?! ในที่สุด เฉิน กว้าน ซี หรือเอดิสัน เฉิน พระเอกหนุ่มฮ่องกงคนดัง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของภาพหลุดสุดสยิวของ จางป๋อจือ นางเอกสาวหน้าหวานลูกหนึ่ง, อาเจียว (จงซินถง) นักร้องสาววงทวินส์ และ "โบโบ้" เฉินเหวินหยวน ดารานักร้องสาวอีกคน ก็ออกมาขอโทษต่อสาธารณชน และ 3 ดาราสาวที่ตกเป็นข่าวเคยมีสัมพันธ์สวาทต่อกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา
เฉิน กว้าน ซี ดาราหนังดัง "Infernal Affairs" และ "The Grudge 2" ซึ่งร่วมแสดงหนัง "แบทแมน" ภาคต่อ "The Dark Knight" ในบทวายร้ายที่กำลังจะออกฉายกลางปีนี้นั้น ออกโรงถ่ายวีดิโอคลิปพูดเปิดอกผ่านเว็บไซต์ "ยูทู้บ" (http://www.youtube.com/watch?v=io9n4XwJQG0) ด้วยการระบุว่าการโพสต์ภาพเหล่านี้ในอินเทอร์เน็ต ถือเป็นการจงใจสร้างความเจ็บปวดรวดร้าว และมีความประสงค์ร้ายอย่างชัดเจน
พระเอกนักรัก วัย 27 ปี ซึ่งเชื่อว่าเป็นเจ้าของคอมพิวเตอร์ที่เก็บสะสมภาพหวิวเหล่านี้เอาไว้ทั้งหมด ก่อนที่จะหลุดออกมาสู่สายตาชาวโลก หลังจากที่เอาไปซ่อมเมื่อปีที่แล้วนั้น กล่าวว่า "ผมตัดสินใจที่จะพูดในวันนี้ และออกแถลงการณ์นี้ผ่านสื่อ เพื่อที่จะบอกกล่าวไปยังผู้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ที่แสนสาหัสและแปลกประหลาดอย่างสุดๆ ในครั้งนี้ทุกคน"
ภาพที่ถูกโพสต์ทางอินเทอร์เน็ตเมื่อเร็วๆ นี้นั้นถือเป็นการจงใจทำร้ายกัน และมุ่งร้ายกันอย่างชัดเจน ไม่เพียงแต่เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเท่านั้น หากแต่ยังหมายถึงสังคมของเราทั้งมวลอีกด้วย ผมเพิ่งจะแจ้งข้อมูลไปยังตำรวจ และพร้อมที่จะช่วยเหลือพวกเขาในคดีนี้ตั้งแต่วันแรกและต่อไปในภายภาคหน้า เนื่องจากคดีกำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวน ผมจึงไม่สามารถพูดอะไรได้มากนักในเรื่องนี้'
ชีวิตของผู้บริสุทธิ์หลายคนต้องพลอยมามีผลกระทบกับพฤติกรรมที่เป็นการก่ออาชญากรรมและประสงค์ร้ายเช่นนี้ และเพราะเรื่องนี้มันก็ทำให้ผมเจ็บปวด, เจ็บใจ และขัดเคืองใจอย่างสุดๆ ผมขอใช้โอกาสนี้กล่าวคำขอโทษกับใครก็ตามที่ได้รับผลกระทบจากประสบการณ์ที่แสนสาหัส แต่แปลกประหลาดสิ้นดีเช่นนี้
ถ้าหากคุณเคยดาวน์โหลดรูปเหล่านี้เอาไว้แล้ว ได้โปรดอย่าส่งต่อให้กับใครอีกเลย ถ้าคุณยังคงครอบครองรูปเหล่านี้แล้ว ผมขอให้คุณกรุณาทำลายรูปเหล่านี้ในทันที ขอให้ร่วมด้วยช่วยกันเยียวยาบาดแผลให้กับผู้ที่ต้องชอกช้ำระกำใจในครั้งนี้ด้วย ผมขอให้พวกคุณช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้ และอย่าซ้ำเติมทำให้อะไรๆ มันเลวร้ายยิ่งไปกว่านี้อีกเลย" เฉินกว้านซี ซึ่งมีท่าทางทุกข์ทรมานใจอย่างแสนสาหัส กล่าววิงวอนผ่านคลิปวีดิโอของตน
ตร.ได้ตัวแล้วมือดีปูดรูปสยิวคนแรก
ด้านความคืบหน้าของคดีในการสืบหาตัวการปล่อยรูปชวนสยิวเหล่านี้ออกมาเผยแพร่สู่สายตาประชาชีผ่านทางอินเทอร์เน็ตนั้น ล่าสุด ตำรวจฮ่องกงได้จับกุมตัวการคนแรกได้แล้วโดยละม่อม หลังจากที่จับกุมผู้ต้องสงสัยได้ทั้งสิ้น 8 คน เป็นชาย 6 คน และหญิง 2 คน รวมถึงชายวัย 23 ปี ซึ่งเชื่อว่าเป็นคนแรกที่เอารูปหวือไปโพสต์ในเว็บไซต์ จากการเปิดเผยของ วินเซนต์ หว่อง ผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจฮ่องกง แต่ไม่ได้มีการระบุชื่อเสียงเรียงนามของชายคนดังกล่าวแต่อย่างใด
หว่อง กล่าวว่าชายวัย 23 ปีคนดังกล่าวที่ถูกจับเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีกำหนดไปขึ้นศาลในวันอังคารที่ 5 ก.พ. ด้วยข้อหาล้วงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมีเจตนาก่ออาชญากรรม และทุจริต โดยหากผิดจริงจะต้องถูกจำคุกสูงสุด 5 ปีนั้น ได้ลักลอบก๊อบปี้ภาพหวิวจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งที่ถูกนำมาซ่อมที่ร้านคอมพ์ หลังจากนั้นก็นำไปโพสต์ผ่านอินเทอร์เน็ต แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเขาทำงานอยู่ที่ร้านคอมพ์ดังกล่าวหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ตำรวจไม่ได้ชี้ชัดลงไปว่าเจ้าของคอมพ์เครื่องดังกล่าวเป็นใครหรืออธิบายว่าทำไมถึงได้มีรูปลามกอนาจารของดาราดังฮ่องกงมากมายถึงเพียงนั้น โดย หว่อง กล่าวแต่เพียงว่าตำรวจยังคงสอบสวนคดีนี้อยู่ แต่ไม่อยู่ในฐานะที่จะต้องตรวจสอบรายละเอียดของภาพเหล่านั้น
ขณะเดียวกัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้วตำรวจยังได้จับชายว่างงานวัย 29 ปี ที่เผยแพร่ภาพเหล่านั้น แต่กลับไม่ได้เกี่ยวข้องพัวพันกับผู้ต้องสงสัยคนอื่นๆ เลย โดยกำลังสอบสวนบทบาทของเขาในการเผยแพร่ภาพเหล่านี้อยู่ในเวลานี้ ทั้งนี้ ผู้ต้องสงสัยที่เหลือซึ่งเป็นชาย 3 คน และหญิง 2 คนได้รับการประกันตัวไปแล้ว และผู้ต้องสงสัยชายคนสุดท้ายคาดว่าจะได้รับการประกันตัวในเร็วๆ นี้
ตะลึง! 6 สาวร่วมสยิว 1,300 รูป!!!
สำหรับภาพเหล่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรูปโป๊เปลือยแท้ๆ ปราศจากการตกแต่งทางเทคนิคใดๆ และมีทั้งหมดราวๆ 1,300 รูป โดยมีอีกมากมายที่ยังไม่ได้ถูกนำเผยแพร่นั้น รวมเบ็ดเสร็จแล้วเกี่ยวข้องกับหญิงสาว 6 คนด้วยกัน แต่ 2 คนในจำนวนนั้นยังไม่ทราบว่าเป็นใคร โดยตำรวจคาดว่าไม่น่าจะเป็นดารานักแสดงต่างชาติแต่อย่างใด
ส่วนภาพที่เป็นข่าวฉาวอย่างน้อย 10 ภาพนั้น ประกอบด้วยภาพ เฉินกว้านซี กำลังมีเพศสัมพันธ์กับ อาเจียว และ โบโบ้ ต่างกรรมต่างวาระกัน รวมถึงภาพสุดฮือฮาของจางป๋อจือที่เปลื้องผ้าผ่อนตั้งหน้าตั้งตา "พึ่งตัวเอง" ด้วยสีหน้าแววตาสุดสยิว ทั้งในชุดชั้นใน และในเครื่องแบบรปภ. โดยเชื่อว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในบ้านของพระเอกหนุ่มนั่นเอง
เว็บไซต์หาคู่ในไทยโผล่เป็นร้อย 9 กุมภาพันธ์ 2551 (Video clip) ! http://www.ch7.com/news/sbnews.aspx?NwType=02&SbType=02&SeqNo=14404
นายปรเมศวร์ มินศิริ นายกสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ให้บริการเว็บหาคู่ทั้งหมด 200 ถึง 300 เว็บไซต์ ส่วนใหญ่จะเป็นเว็บของต่างชาติ และมีคำค้นที่ให้หาคู่มากถึง 7 แสน 9 หมื่น 7 พันบนหน้าเว็บ ส่วนประเทศไทยจะเป็นเพียงเว็บหาเพื่อน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 1 พันเว็บไซต์
พร้อมเตือนหญิงไทยที่นิยมหาคู่ชาวต่างชาติผ่านเน็ต ให้ตรวจสอบประวัติก่อนคบหา เพราะอาจตกเป็นเครื่องมือในคดียาเสพติดได้
รวบกะเทยแสบ อ้างชื่อ-ดาราสาว พอลล่า เทย์เลอร์ ตุ๋นหนุ่มนับแสน 27 กุมภาพันธ์ 2551 http://movie.sanook.com/29350/
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 26 ก.พ. นายณทภช เทียนศาสตร์ อายุ 29 ปี พนักงานฝ่ายการตลาดของบริษัทคอมพิวเตอร์แห่งหนึ่ง ชี้ให้ ร.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม หัวหน้าสายตรวจ สน.ปทุมวัน จับกุมนายภาณุพงศ์ จิตระพรหมา อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 432 หมู่ 10 แขวงและเขตหนองแขม กทม. อ้าง เป็นผู้จัดการส่วนตัวนักแสดงสาว พอลล่า เทย์เลอร์ พร้อมเงินสด 75,000 บาท ได้ที่ร้านกาแฟแบล็กแคนยอน ชั้น 7 ห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง ถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม. โดยกล่าวหาว่าร่วมกับพวกฉ้อโกง
นายณทภชให้การว่า เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 50 ได้รู้จักกับหญิงสาวคนหนึ่งทางอินเตอร์เน็ต โดยฝ่ายหญิงอ้างชื่อว่าพอลล่า ทำงานอยู่แชนแนลวีไทยแลนด์ ก่อนแลกเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกันโดยที่ไม่เคยเห็นหน้า แต่เชื่อว่าเป็นดาราสาวพอลล่า เทย์เลอร์ จริง เพราะสำเนียงพูดไทยเหมือนลักษณะลูกครึ่ง บางครั้งให้คุยกับเพื่อนดารา ศรีริต้า เจนเซ่น โดยมีการพูดคุยสร้างความสัมพันธ์ให้ ลึกซึ้ง ทำนองว่าหมอดูชื่อดังในวงการหลายคนทายว่า พอลล่าจะได้เนื้อคู่เป็นคนไทย เกิดวันเดือนปีเดียวกับตน จนทำให้เคลิ้มไปว่าเป็นเรื่องจริง อีกทั้งหญิงคนดังกล่าวยังสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิด อาทิ นับเคาน์ดาวน์รับปีใหม่ด้วยกันทางโทรศัพท์ รวมทั้งอีกหลายๆเหตุการณ์ โดยตนทั้งคู่ต่างนัดพบกัน แต่ต้องมีเหตุให้คลาดเคลื่อนไปทุกครั้ง
เหยื่อหนุ่มให้การต่อว่า จากนั้นหญิงที่ใช้ชื่อว่า พอลล่า ได้แนะนำให้รู้จักกับพี่ต้น หรือนายภาณุพงศ์ ผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งมีลักษณะตุ้งติ้งเป็นกะเทย อ้างเป็นญาติกันและยังเป็น ผจก.ส่วนตัวพอลล่าด้วย ต่อมาวันที่ 26-27 ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้หญิงที่ชื่อพอลล่าอ้างว่า ร้านโพลิซ่า ซึ่งเป็นร้านของกลุ่มวีเจ แชนแนลวีไทยแลนด์ กำลังมีปัญหาต้องจ่ายเงินค่าเช่ารายปีให้กับห้างเซ็นทรัลเวิล์ด ถึงแม้ว่าศรีริต้า เจนเซ่น และแฟนหนุ่ม เต้-บรม ทายาทห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ช่วยเงินมาแล้วก้อนหนึ่ง แต่ยังต้องจ่ายเพิ่มอีก 2.2 ล้านบาท ซึ่งพอลล่าหาเงินได้ แต่ยังขาดอยู่อีกประมาณ 8 หมื่นบาท และได้เอ่ยปากขอยืม โดยนัดให้นายภาณุพงศ์ หรือพี่ต้น ทำสัญญาเงินกู้ และแลกบัตรประชาชน โดยนัดพบกันที่ห้างบิ๊กซี สาขาเพชรเกษม ก่อนพาไปโอนเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาบางแค ชื่อบัญชีนายภาณุพงศ์ และนัดคืนเงินในวันที่ 4 ก.พ. แต่เมื่อเวลาล่วงเลยมา ตนยังไม่ได้เงินคืนและถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอด
นายณทภชกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ตนและผู้หญิง ที่ใช้ชื่อพอลล่ายังติดต่อทางโทรศัพท์อยู่ตลอด กระทั่งวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา นายภาณุพงศ์นำน้ำหอมยี่ห้อหนึ่งพร้อมของจุกจิกหลายอย่างมาให้ อ้างว่าพอลล่าซื้อเป็นของขวัญให้ในวันเกิดตน ยิ่งทำให้ตนหลงเชื่อเข้าไปใหญ่ ต่อมาพอลล่าโทรศัพท์หาตนกลางดึกวันที่ 10 ก.พ. อ้างมีงานเลี้ยงที่แชนแนลวีและเกิดเรื่อง แต่ไม่บอกว่าเรื่องอะไรก่อนวางหู จนช่วงเช้านายภาณุพงศ์โทรศัพท์มาบอก เมื่อคืนพอลล่าขับรถกลับจากงานเจอด่านตรวจแอลกอฮอล์ เลยขับหนีไปชนรถกระบะในเขตท้องที่ สน.มักกะสัน ถูกจับตรวจวัดแอลกอฮอล์เกินกว่ากำหนด 3 เท่า และต้องนอนพักอยู่ในห้องสารวัตรของ สน.มักกะสัน เพื่อให้สร่างเมา และต้องใช้เงิน 3-4 ล้านบาท ปิดข่าวไม่ให้มีผลกระทบงานในวงการ โดยนายภาณุพงศ์ อ้างว่า พอลล่าให้ไปยืมเงินจากคนอื่นหลายเจ้า แต่ยังขาดอีก 5 หมื่น ให้มาขอยืมตน แต่ตนอ้างไม่มี ทำให้พอลล่า และนายภาณุพงศ์โมโหด่าทอจนจำใจต้องให้ยืม ทั้งคู่ถึงกลับมาคุยดีอีกครั้ง จนเมื่อกลางเดือน ก.พ. พอลล่าโทรศัพท์บอกว่าต้องใช้เงินยัดอัยการไม่ให้เป็นข่าวเรื่องถูกจับแอลกอฮอล์อีก 3 ล้านบาท ขอยืมเงินอีก 8 หมื่นบาทที่ยังขาดอยู่ แต่ตนโอนให้ไปแค่ 5 หมื่นบาท หลังจากนั้นได้รับของฝากจากพอลล่า เป็นโทรศัพท์ยี่ห้อหนึ่ง พอลล่าบอกว่าราคาแพงมาก แต่เมื่อนำกลับไปดูกลายเป็นเครื่องผลิตในประเทศจีน ราคาไม่กี่พันบาท
นายณทภชกล่าวต่อว่า ล่าสุดมาเอะใจเพราะพอลล่าโทรศัพท์มาขอยืมเงินอีก คราวนี้อ้างว่าพ่อพอลล่าโอนเงินจากต่างประเทศมา 58 ล้านบาท และต้องนำเงินไปเสียภาษีย้อนหลังอีกหลาย 10 ล้านบาท แต่คนข้างบ้านวิ่งเต้นให้จนเหลือ 5 ล้านบาท โดยคราวนี้พอลล่าอ้างว่ายังขาดเงินอยู่ 75,000 บาท และเมื่อนำเงินไปจ่ายภาษีแล้ว จะคืนเงินที่ยืมไปทั้งหมด ตนเอะใจนำเรื่องปรึกษาตำรวจ วางแผนนัดไปรับเงินที่ร้านกาแฟแบล็กแคนยอน ชั้น 7 ก่อนชี้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับ และเมื่อประสานไปต้นสังกัดของ พอลล่า พบว่านายภาณุพงศ์ไม่ได้เป็นผู้จัดการส่วนตัวตามที่กล่าวอ้าง เจ้าหน้าที่จึงนำส่ง ร.ต.ท.จรูญ สังขารา พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ปทุมวัน ดำเนินคดีต่อไป ขณะที่นายภาณุพงศ์ให้การรับสารภาพ และขอเคลียร์คดีด้วยการนำเงินทั้งหมดมาชดใช้ แต่นายณทภชไม่ยอม ขอให้ตำรวจดำเนินคดีถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่านายภาณุพงศ์ไม่ได้ทำเพียงคนเดียวแต่อาจทำเป็นแก๊ง ได้ประสานฝ่ายสืบสวนหาข่าว รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายที่ถูกล่อลวงในลักษณะเดียวกัน มาดูตัวที่ สน.ปทุมวัน ต่อไป
ตร.ระยอง รวบสาวแสบแชตหลอกหนุ่มโรงงานหมดเงิน 1 ล้านบาท 20 มีนาคม 2551 http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000033995
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้( 20 มี.ค. 2551)พ.ต.ท.ธราเทพ ตูพานิช รอง ผกก.สส.สภ.เพ แถลงข่าวจับกุม นางวัลย์ลา ปิ่นแก้ว อายุ 46 ปี น.ส.อรวรรณ ปิ่นแก้ว อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 148 หมู่ 3 ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง พร้อมด้วยของกลางเครื่องคอมพิวเตอร์และซีพียู จำนวน 1 ชุด และโน๊ตบุ๊ค 1 เครื่อง หลังหลอกลวงนายนิทัศน์ วิสุทธิ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73/290 หมู่ ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง ซึ่งเป็นพนักงานบริษัทปูนซีเมนต์ในอุตสาหกรรมมาบตาพุด ให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารเป็นเงิน 1 ล้านบาท
จาการสอบสวนทราบว่านายนิทัศน์ได้แชตทางอินเตอร์เน็ต กับ นางวัลย์ลาและ น.ส.อรวรรณ โดยสองแม่ลูกได้ส่งรูปถ่ายทางอินเตอร์ที่เป็นหญิงน่าตาดี แล้วเล่นแชตโปรแกรม pirch(chat) ใช้ชื่อ nook-nei ชื่อเล่นเนว โดยอ้างเป็นลูกนักการเมืองระดับประเทศและได้หลอกลวงเอาเงินจากนายนิทัศน์โอนเข้าบัญชี โดยนำเงินที่ได้มาใช้จ่ายและปลูกสร้างบ้านพักอาศัย โดยก่อนหน้านี้น.ส.อรวรรณได้ติดต่อทางอินเตอร์เน็ตกับนายนิทัศน์เมื่อเดือนพฤาภาคม 2545 และเห็นว่านายนิทัศน์เริ่มมีใจชอบพอ น.ส.อรววรณ แต่แล้ว น.ส.อรววณได้ไปแต่งงานกับชายอื่น นางวัลย์ลาจึงได้สวมรอยเข้ามาสนทนาทางอินเตอร์เน็ตกับนายนิทัศน์ต่อ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนคาดว่าน่าจะมีผู้เสียจำนวนมากเพราะมีเงินเข้าออกในบัญชีและล่าสุดที่กำลังตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายอยู่ จ.ขอนแก่น และถ้ามีผู้ใดเป็นผู้เสียหายให้มาดูตัวได้ที่ สภ.เพ จากนั้นได้แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ผู้อื่น และส่งตัวให้กับ พ.ต.ท.ดำรงรักษ์ มลิทอง สว.เวร สภ.เพ เพื่อดำเนินคดีต่อไป..
vibrator ทำเครื่องบิน delay 29 ก.ย.59 มีข่าวในทีวีหลายช่องว่า พบวัตถุต้องสงสัยที่จะขึ้นเครื่องบิน ที่สนามบินเชียงใหม่ ออกข่าวกันหลายสำนัก ชี้แจงกันละเอียดยิบเลย พบ vibrator ถูกเก็บอยู่ในกระเป๋าที่จะโหลดเข้าใต้ท้องเครื่อง
พุทธอภิวรรณ https://www.youtube.com/watch?v=GDUR_0B6NMk
หนุ่มพูด https://www.youtube.com/watch?v=QjTYyl34EHc
สาวสาวพูด https://www.youtube.com/watch?v=dRdREHxvIg8
น้องไบร์ท https://www.youtube.com/watch?v=5eJ6JMRxVuA
Thaiall.com